แก๊งคอลเซ็นเตอร์ แอบอ้างเรื่องการสำรวจผู้เสียภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง

แก๊งคอลเซ็นเตอร์ (Call Center Gang) คือ ขบวนการหลอกเหยื่อทางโทรศัพท์โดยสร้างสถานการณ์ให้เหยื่อเกิดความตื่นตระหนก หรือเข้าใจผิดว่าได้รับผลประโยชน์บางอย่าง

นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ขณะนี้ปรากฏกลุ่มมิจฉาชีพแก๊งคอลเซ็นเตอร์ แอบอ้างเรื่อง การสำรวจผู้เสียภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง หลอกลวงประชาชนที่ถือกรรมสิทธิ์ห้องชุดในพื้นที่ทั่วประเทศ ซึ่งกรมที่ดิน กระทรวงมหาดไทย ได้ประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนที่หน้าเว็บไซต์กรมที่ดิน www.dol.go.th ว่า กรมที่ดิน “ไม่โทรหา ไม่ขอแอดไลน์ ไม่มีหน้าที่เก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง”

กลุ่มมิจฉาชีพแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ปลอมหนังสือราชการของกรมที่ดิน

นายอนุชากล่าวว่า กรมที่ดินได้ออกหนังสือแจ้งเตือน ด้วยมีกลุ่มมิจฉาชีพแก๊งคอลเซ็นเตอร์ปลอมหนังสือราชการของกรมที่ดิน โดยแอบอ้าง เรื่อง “การสำรวจผู้เสียภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง” จะโทรศัพท์หาประชาชนแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายกองทะเบียนออนไลน์ (E-Service) และส่งหนังสือปลอมทางไลน์ รวมทั้งพูดจาหว่านล้อมให้ประชาชนหลงเชื่อให้ดำเนินการผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ (E-Service) และดาวน์โหลดหรืออัปเดตข้อมูลผ่านทางลิงก์หรือเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันที่ส่งให้ สาเหตุสำคัญที่ประชาชนหลงเชื่อ เนื่องจากมีการแจ้งข้อมูลส่วนบุคคลที่ระบุไว้ในหนังสือปลอม ถูกต้องตรงกับข้อมูลของประชาชน ซึ่งเป็นข้อมูลอาคารชุดในพื้นที่ทั่วประเทศ ส่งผลให้ประชาชนหลงเชื่อว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของกรมที่ดินจริง อันเป็นเหตุให้ประชาชนหลงเชื่อและตกเป็นเหยื่อกลุ่มมิจฉาชีพ จนได้รับความเสียหายเป็นภัยต่อประชาชน

กรมที่ดินพิจารณาแล้วเห็นว่า ปัจจุบันกลุ่มมิจฉาชีพแก๊งคอลเซ็นเตอร์ยังคงดำเนินการหลอกลวงประชาชนอย่างต่อเนื่องแพร่หลายทุกวัน โดยนำข้อมูลส่วนบุคคลที่ระบุไว้ในหนังสือกรมที่ดินปลอม โดยเฉพาะข้อมูลเกี่ยวกับอาคารชุด ทำให้ประชาชนหลงเชื่อว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของกรมที่ดินโทรศัพท์ติดต่อไปจริง ฉะนั้น เพื่อมิให้เกิดความเสียหายต่อประชาชนมากกว่านี้ อธิบดีกรมที่ดินจึงมีหนังสือถึงนายกสมาคมอาคารชุดไทย ขอความร่วมมือประชาสัมพันธ์กลโกงให้ผู้ประกอบการธุรกิจอาคารชุด ผู้จัดการนิติบุคคลอาคารชุด และประชาชนทราบอย่างแพร่หลายและอย่าหลงเชื่อการแอบอ้างของกลุ่มมิจฉาชีพดังกล่าว

นายอนุชาย้ำถึงกลโกงมิจฉาชีพแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จะโทรหาประชาชนผู้มีชื่อถือกรรมสิทธิ์ในห้องชุด หลอกว่ายังไม่ได้ชำระภาษี ให้แอดไลน์ เพื่อส่งหนังสือกรมที่ดินปลอมที่มีข้อมูลส่วนบุคคล พยายามพูดให้ประชาชนหลงเชื่อเลือกวิธีดำเนินการทาง E-Service แล้วมิจฉาชีพจะส่งลิงก์ให้กดเข้าเว็บไซต์หรือแอปพิเคชันกรมที่ดินปลอมให้ หลอกให้ประชาชนกดดาวน์โหลดเพื่อติดตั้งโปรแกรมและควบคุมโทรศัพท์ จากนั้น โทรศัพท์จะขึ้นข้อความว่า “ระหว่างทำการตรวจสอบห้ามใช้งานโทรศัพท์” ระหว่างรอ ระบบจะทำงานตามเปอร์เซ็นต์หน้าจอ ดูดเงินของประชาชนผู้เสียหายจนหมดบัญชี ทั้งนี้ กรมที่ดินได้แนะวิธีป้องกันดังนี้

  1. อย่ากดลิงก์แปลกปลอมในแหล่งที่ไม่รู้จัก เว็บไซต์ปลอมมักลงท้ายด้วย .cc
  2. เว็บไซต์กรมที่ดินจริง ชื่อ www.dol.go.th สามารถกดเมนูหน้าเว็บไซต์ได้ทุกเมนู และไม่มีเมนูให้ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
  3. อย่าดาวน์โหลดแอปพลิเคชันที่ไม่ผ่านการยืนยันโดยแพลตฟอร์มที่น่าเชื่อถือ
  4. ไม่ควรผูกบัตรเครดิต ไว้กับบัตรเดบิตหรือบัญชีธนาคาร
  5. หากพลาดพลั้งดาวน์โหลดแล้ว ให้ตัดอินเทอร์เน็ตหรือปิดเครื่อง และถอดซิมโทรศัพท์ แล้วรีบโทรศัพท์อายัดบัญชีกับธนาคารทันที

“กรมที่ดินได้ประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนประชาชนอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันความเสียหายที่จะเกิดกับประชาชนจึงขอย้ำเตือนประชาชนที่อาจถูกกลุ่มมิจฉาชีพแก๊งคอลเซ็นเตอร์โทรมาหลอกลวง ว่า กรมที่ดินไม่โทรหา ไม่ขอแอดไลน์ ไม่มีหน้าที่เก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง หากประชาชนเจอมิจฉาชีพหลอกดูดเงิน ขอให้โทรแจ้ง Call center กรมที่ดิน โทร 0 2141 5555 หรือแจ้งที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โทร 1441” นายอนุชา กล่าว

แก๊งคอลเซ็นเตอร์

รู้ทันกลโกงมิจฉาชีพ แก๊งคอลเซ็นเตอร์

เกราะป้องกันแรกข้อแรกที่สำคัญที่สุดคือ “มีสติรู้เท่าทัน” เพราะข้ออ้างที่มิจฉาชีพใช้ ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องที่ทำให้เหยื่อตื่นตระหนก หรือตื่นเต้นดีใจ บ้างก็อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานของรัฐ/สถาบันการเงิน เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ ในบางครั้งอาจจะมีระบบโทรศัพท์อัตโนมัติเพื่อให้ดูเป็นการติดต่อจากองค์กรขนาดใหญ่ หรือแม้กระทั่งอ้างว่าเหยื่อเป็นผู้โชคดีได้รับรางวัลใหญ่ จะมีข้ออ้าง หรือรูปแบบต่างๆ ที่มิจฉาชีพแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชอบใช้หลอกเหยื่อ

กลุ่มเป้าหมาย 

จะกำหนดกลุ่มเป้าหมายก่อนจะทำการโทร ซึ่งกลุ่มเป้าหมายจะแบ่งออกเป็น 2 แบบดังต่อไปนี้

  1. คนยากจน คนตกงาน มองหางาน ชีวิตลำบาก อยากมีฐานะทางการเงินที่ดี
  2. คนมีฐานะ มีเงินเก็บ อยู่กับบ้านเป็นส่วนใหญ่ ไม่ค่อยตามข่าวสาร โดยเหยื่อไม่จำกัดเพศ วัย การศึกษา ทุกคนสามารถถูกหลอกได้ทั้งนั้น

3 วิธีการหลอก 

1. เนื้อหาที่ใช้ในการสนทนา

จะเกี่ยวกับเรื่องเงินเป็นหลัก เช่น เราถูกรางวัล แต่ต้องให้โอนเงินเพื่อจ่ายภาษี ซึ่งมิจฉาชีพจะใช้รูปแบบเรื่องราวประมาณนี้ และจะขอข้อมูลส่วนบุคคลของเหยื่อ เช่น หมายเลขบัตรประชาชน วันเดือนปีเกิด เลขบัตรเครดิต เลขสมุดบัญชี เป็นต้น ซึ่งจะใช้จิตวิทยาเข้าช่วย และทำการโน้มน้าวให้เหยื่อตกใจ หวาดกลัว จนรีบให้ข้อมูล หรือกระตุ้นให้เกิดความโลภ แล้วรีบเร่งให้เหยื่อให้ข้อมูลส่วนตัวแบบไม่ทันได้ตั้งตัว รู้ตัวอีกที อ้าว! เงินเราหายไปแล้ว

2. เครื่องมือในการหลอกลวง

แก๊งคอลเซ็นเตอร์จะติดต่อเหยื่อผ่านทางโทรศัพท์ผ่านทางข้อความเสียงอัตโนมัติ และให้คนโทรมาพูดคุย ซึ่งคนร้ายจะแอบอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานต่าง ๆ เช่น เจ้าหน้าที่สถาบันการเงิน เจ้าหน้าที่สรรพากร เจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่บริษัทขนส่ง หรือเจ้าหน้าที่ไปรษณีย์ บทสนทนาที่มักโดนกันบ่อย ตัวอย่างคือ มีของผิดกฎหมายค้างอยู่ ต้องให้รีบโอนถึงจะไม่โดนจับ ใครโทรมาแบบนี้ ติ๊กไว้ก่อน ไอ้นี่โจรแหงๆ อย่าไปเชื่อ

3. หมายเลขโทรศัพท์

แก๊งคอลเซ็นเตอร์จะใช้หมายเลขโทรศัพท์จริงของหน่วยงานที่แอบอ้างแต่ใช้เทคโนโลยีแปลงสัญญาณโทรศัพท์เป็นหมายเลขของหน่วยงานที่แอบอ้าง หรืออาจจะใช้หมายเลขโทรศัพท์ที่ไม่สามารถติดต่อกลับได้ หรือเป็นหมายเลขจากต่างประเทศ เพื่อให้ยากต่อการติดตามจับกุม และเพื่อให้เหยื่อหลงเชื่อว่าเป็นการติดต่อมาจากหน่วยงานจริง

รูปแบบการหลอก 

  • SMS ปลอม

โดยส่วนใหญ่ข้อความเหล่านี้จะมีทั้งมาจากในประเทศและจากต่างประเทศ โดยที่ข้อความที่มาจากต่างประเทศจะไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่ และมิจฉาชีพมักใช้ Google Translate ทำให้การอ่านรู้สึกผิดปกติ ตัวอย่างเช่น “คุณคือผู้โชคดีมีเงินเข้าแล้ว กดลิงก์เพื่อรับเงิน” หรืออาจจะเป็น คุณถูกฉลาก กดลิงก์เพื่อรับเงิน เป็นต้น

และส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องของเงินทั้งนั้น ซึ่งลิงก์พวกนี้มักจะขึ้นว่า cutt.ly เป็นกลุ่มของลิงก์ย่อ ถ้าไม่คุ้นเคยแนะนำว่าอย่าไปกด เพราะบางครั้งกดไปแล้วอาจจะเป็นเหยื่อ หรือ Phishing ได้ทันที

ในกรณีถ้าโดน SMS ปลอมแจ้งว่าเป็นของสถาบันการเงินแห่งหนึ่ง ซึ่งถ้าอยากให้ทางสถาบันการเงินนั้น ๆ ตรวจสอบ แนะนำให้โทรไปที่ฝ่ายบริการลูกค้า และแจ้งทางสถาบันการเงินนั้นๆ ว่ามี SMS น่าสงสัยส่งมา ซึ่งทางสถาบันการเงินก็จะทำการตรวจสอบให้ได้ทันที

  • บัญชีเงินฝากถูกอายัด/หนี้บัตรเครดิต/มีพัสดุตกค้าง

ข้ออ้างที่มิจฉาชีพแก๊งคอลเซ็นเตอร์นิยมใช้ คือหลอกว่าเหยื่อถูกอายัดบัญชีเงินฝาก และเป็นหนี้บัตรเครดิต เพราะเป็นเรื่องที่สามารถสร้างความตื่นตกใจ และง่ายต่อการชักจูงเหยื่อให้โอนเงิน โดยมักจะใช้ระบบตอบรับอัตโนมัติแจ้งเหยื่อว่าจะอายัดบัญชีเงินฝากเนื่องจากเหตุการณ์ต่าง ๆ เช่น เป็นหนี้บัตรเครดิต หรือมีพัสดุตกค้างอยู่ที่ ตม. โดยอาจมีเสียงอัตโนมัติ เช่น “คุณเป็นหนี้บัตรเครดิตกับทางธนาคาร กด 0 เพื่อติดต่อพนักงาน” “คุณมีพัสดุตกค้าง กด 9 เพื่อติดต่อพนักงาน” เป็นต้น

เมื่อเหยื่อตกใจ และกดหมายเลขตามนั้น ขั้นตอนต่อไปคือคุยสายกับมิจฉาชีพ หลังจากนั้นจะหลอกถามฐานะทางการเงินของเหยื่อ หากเหยื่อมีเงินจำนวนไม่มากนักจะหลอกให้เหยื่อโอนเงินผ่านตู้เอทีเอ็ม แต่หากเหยื่อมีเงินค่อนข้างมากจะหลอกให้ฝากเงินผ่านเครื่องฝากถอนอัตโนมัติ หรือถ้าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ แบบทันสมัยขึ้นมาหน่อย จะหลอกให้เราติดตั้งแอปฯ รีโมทเครื่องจากระยะไกล และขอข้อมูล จากนั้นจะเข้ามาขโมยเงินเราได้ทันที ซึ่งใครเจอแบบนี้ บอกได้เลย ให้รีบตัดสายทิ้งทันที

วิธีรับมือ 

  • ต้องมีสติก่อนที่จะรับสายทุกครั้ง และตรวจสอบหมายเลขให้มั่นใจก่อนทุกครั้ง
  • ต้องคำนึงไว้เสมอว่าสถาบันการเงิน และภาคราชการไม่มีนโยบายสอบถามข้อมูลส่วนบุคคลทางโทรศัพท์
  • ต้องเช็กตัวเองให้ดีว่าไม่ได้มีความเกี่ยวข้องใด ๆ กับการหลอกนี้
  • ห้ามให้ข้อมูลส่วนตัว และกดวางสายทันที
  • หลังจากวางสายให้เช็กข้อมูลกับหน่วยงานที่ถูกแอบอ้างโดยด่วน
  • หากพลาดพลั้งเป็นเหยื่อให้ติดต่อไปยังสถาบันการเงินเพื่อระงับ หรือขอความช่วยเหลือทันที
  • ติดตั้งแอปฯ ที่ช่วยสกรีนเบอร์มิจฉาชีพ เช่น whoscall ลงบนสมาร์ทโฟน เป็นต้น

ทำอย่างไรถ้าพลาดท่าให้กับมิจฉาชีพ “แก๊งคอลเซ็นเตอร์”

ตั้งสติ และรวบรวมข้อมูล หลักฐาน และเอกสารที่เกี่ยวข้องติดต่อสถาบันการเงิน เช่น อย่างธนาคารกรุงศรีก็คือ 1572 โดยที่ทางสถาบันธนาคารก็จะทำการระงับบัญชีเพื่อที่จะไม่ให้นำเงินออกไปได้ รวมถึงแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน และแจ้งเบาะแสกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ติดต่อไปยังเครือข่ายผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ เพื่อทำการตรวจสอบและบล็อกเบอร์เหล่านั้น รายงานแจ้งไปยังช่องทางต่างๆ ได้ ดังนี้

  • ธนาคารกรุงศรี 1572
  • แจ้งเบาะแส แจ้งสายด่วน สอท. 1441
  • ศูนย์ PCT O81-866-3000
  • สำนักงานตำรวจแห่งชาติที่เบอร์ 1599
  • แจ้งความออนไลน์ www.thaipoliceonline.com

ทั้งนี้การได้รับข้อความ SMS ไม่ใช่เรื่องแปลกเลย หรือแม้กระทั่งมีเบอร์แปลกโทรเข้ามา แต่ว่าควรอ่านข้อความ และพิจารณาเบอร์ หรือลักษณะการคุยอย่างละเอียด และไม่ควรกดลิงก์ที่ไม่รู้จักหรือให้ข้อมูลส่วนตัว เพียงแค่ทำตาม 3ม “ไม่รับ ไม่บอก ไม่โอน” ถ้าทำสามอย่างนี้ได้ก็จะไม่โดนหลอกแล้ว

ที่มา

 

ติดตามอ่านข่าวเพิ่มเติมได้ที่  raymaterson.com

สนับสนุนโดย  ufabet369.net